สถาปนิกลาออกกลับบ้าน#3 ใช้ชีวิตตามรอยพ่อหลวง สู่แนวทางแห่งความยั่งยืน





     เชื่อว่า ณ เวลานี้ หลายๆคนคงจะทราบถึงเรื่องราวความมุ่งมันของ คุณเบสท์ "วิโรจน์ ฉิมมี" หนุ่มสถาปนิกวัย 28 ปี ที่เรียนจบสถาปัตย์ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง แล้วตัดสินใจผันชีวิตของตัวเองลาออกจากตำแหน่งสถาปนิกประจำบริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพย่านสวนหลวง มุ่งหน้ากลับสู่บ้านที่ต่างจังหวัด เพื่อเติมเต็มความฝันของตัวเองและครอบครัว ด้วยความมุ่งมั่นและเชื่อในคำตรัสของ ในหลวง ตามแนวคิด "หลักพอเพียง" ที่ท่านทรงคิดไว้ให้และสามารถนำไปใช้ให้เกิดผลได้จริง สำหรับคนไทยที่ส่วนใหญ่พอจะมีที่ดินทำกินยึดอาชีพเป็นเกษตรกรทำไร่สวนและนา


     เมื่อกลับบ้าน เขาได้เริ่มทำตาม "หลักพอเพียง" จากการปรับปรุงบ้านหลังเก่าที่ทรุดโทรมของพ่อแม่ด้วยไม้ไผ่ ทั้งห้องน้ำ ห้องนอน และห้องครัว รวมแล้วใช้งบประมาณทั้งหมดราวๆ 50,000 บาท ซึ่งเงินที่ใช้ส่วนหนึ่งเป็นเงินเดือนก้อนสุดท้ายที่ได้หลังลาออกจากงาน (แล้วก็ไม่คิดจะสมัครงานที่ไหนอีกเลย) และหลังจากปรับปรุ่งที่อยู่เสร็จเรียบร้อย เขาก็เริ่มสานต่อแนวคิด "เศรษฐกิจพอเพียง" ปรับปรุงแผงผักให้กับแม่ด้วยงบประมาณอันนั้นนิดจนเหลือเชื่อตามที่เคยเสนอไปแล้ว

คลิปจากรายการ AMARIN TV HD ช่วงที่สัมภาษณ์คุณแม่ทำเอาน้ำตาซึม

"ความฝันอันยิ่งใหญ่และยั่งยืน" ของพวกเขา

     จริงๆแล้วหนุ่มสถาปนิกและครอบครัว ก่อนหน้าได้เคยรวมเอาความและคิดความฝันของแต่ละคนในบ้านมาแชร์กัน ตกผลึกความคิดตกลงร่วมกันได้ว่าอยากจะทำฟาร์มสเตย์ ที่เป็นที่พักสำหรับการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในชื่อ "บ้านไร่ ไออรุณ" ซึ่งภาพร่างที่ออกมาจะเป็นเหมือนฟาร์มเล็กๆกลางหุบเขา และนั่นหมายถึงพวกเขาอาจจะต้องใช้ทั้งความรู้และประสบการณ์หลากหลายที่ได้สั่งสมมา ทุ่มพลังจากหยาดเหงื่อและแรงกายของคนทั้งบ้าน และแน่นอนว่ายังคงเดินตามแนวคิด ตามพระราชดำริของ ในหลวง มาประยุกต์ใช้ให้ได้เกิดผลจริงอีกด้วย

     "ฟาร์มสเตย์" ที่พักสำหรับการท่องเที่ยวเชิงเกษตร จริงๆได้เริ่มเดินหน้าสร้างขึ้นแล้วตั้งแต่ช่วงแรกๆที่เขาลาออกกลับบ้านมา ความเป็นรูปเป็นร่างของโครงการนี้อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการฟูกฟักมากสักหน่อย เพราะโครงการใหญ่กินบริเวณพื้นที่แทบจะทั้งหมดของที่ดินที่ครอบครัวมีอยู่ และด้วยลำพังน้ำพักน้ำแรงของคนในครอบครัว คงต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมากในการสร้างฝันอันยังยืนนี้เลยทีเดียว . . . แล้วตอนนี้สิ่งที่พวกเขากำลังปรับปรุงและพัฒนานั้นเป็นอย่างไรแล้วบ้าง เราไปตามดูกันเลย. . .


"จากวันนั้นจนถึงวันนี้ 2 ปีกว่าๆแล้ว...ลูกไม่เคยอายใครเลย ที่ต้องมานั่งขายผักอยู่ข้างๆเเม่"

อรุณสวัสดิ์ ... 8 โมงเช้าวันอังคาร 

มื้อเเห่งความสุขของฉันในทุกๆวัน


แบบแพลนที่เขียนไว้ในช่วงแรกๆ "บ้านไร่ ไออรุณ" อาณาจักรเล็กๆกลางหุบเขา

การวางผัง Mind map และ Objectives เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการ

ช่วยกันปลูกผักปลอดสารพิษ มีคุณพ่อคุณแม่เป็นมืออาชีพด้านนี้อยู่แล้ว

แบบบ้านที่พักที่ช่วยกันออกแบบตามแพลนแรก คือ 2 หลัง

ภาพเมื่อสร้างเสร็จ

เช็คประดับไฟตอนกลางคืน

ลักษณะที่พักด้านใน ขนาดกระทัดรัดดูอบอุ่น

เห็นมุมนี้แล้วบอกตรงๆว่าอยากให้เปิดเร็วๆ (คาดว่าน่าจะเปิดช่วง พ.ย.-ธ.ค.ปีนี้)


ตามต่อด้วยการสร้างทางเดินสำหรับเข้าถึงที่พัก

ทางเดินยังพาดผ่านตามแนวยาวของแพลน สำหรับชมสวนและแปลงผัก

" ไม่มีเทคนิคอะไร ผุก็เปลี่ยนใหม่ ไม้จากในสวนมีเยอะ "

ทำสะพานทางเดินทอดยาวและปรับปรุงพื้นที่รกร้างโดยรอบ 

คุณแม่เจิมก่อนเลย เปิดฤกษ์ดี

พอเสร็จแล้ว ใครจะคิดว่าน่าเดินเล่นชมวิวมากขนาดนี้


แพลนย่อยของที่พักแต่ละหลัง เพื่อลงรายละเอียดการตกแต่งสวน

ประกอบร่างแบบ 4มิติ กับแพลน 2มิติ เพื่อเช็คองค์ประกอบ

ได้แบบแล้วก็เริ่มถากถาง กำจัดวัชพืช ขุดลอกธารน้ำเดิม

ขุดทางเดินน้ำให้ลึกขึ้นเพื่อให้มีน้ำหมุนเวียนใช้ และเพิ่มความชุ่มชื้นทั่วบริเวณ

ทำฝายทดน้ำตามแนวพระราชดำริ ชะลอน้ำไว้ใช้ช่วงหน้าแล้ง

ฝายจุดต่างๆและธารน้ำไหลไว้ช่วยหล่อเลี้ยงผืนดินให้เกิดพื้นที่สีเขียว


คุณแม่นั่งพักคลายเหนื่อยที่นี่ได้แทบทุกวัน ชื่นชมกับบรรยากาศบริเวณบ้านที่ดีขึ้น

เส้นสีเขียวๆในธารน้ำนั้นคือราชินีแห่งสายน้ำ "พลับพลึงธาร" 
พืชน้ำประดับหายากที่สุดในโลก มีเฉพาะในท้องถิ่น
เมื่อระบบนิเวศน์ดี ชีวิตเล็กๆอย่างเจ้ากุ้งน้อยก็ดูจะสดใสขึ้นตาม



เรียบเรียงข้อมูลโดย เรื่องเด็ดเจ็ดย่านน้ำ
ขอบคุณที่มาข้อมูลและภาพทั้งหมดจาก : Facebook, บ้านไร่ ไออรุณ baan rai i arun


ถูกใจอัพเดททุกเรื่องเด็ด
บอกต่อเรื่องนี้ให้เพื่อนคุณ





About เรื่องเด็ดเจ็ดย่านน้ำ

ขอบคุณทุกเรื่องเด็ด และเรื่องราวดีๆ จากทุกแง่มุมในสังคม เราจะหามาแชร์และส่งต่อให้เพื่อนบนโลกโซเชียลได้รับรู้ รับทราบกันอย่างทั่วถึง คุณเองก็สามารถทำได้ "กดแชร์" เรื่องเด็ดที่คุณชอบเลยสิ!