การนั่งทำสมาธิ ดังคำสอนของ หลวงพ่อชา สุภัทโท ที่ว่า "ความสงบบ่อเกิดปัญญา" ไม่ได้สงวนไว้ทำเฉพาะตอนที่คุณบวชเป็นพระ ชี ฤาษี โยคี แต่ประการใด เพียงแต่เมื่อคุณเจียดเวลาว่างซัก 10-20 นาทีติดต่อกันต่อวัน เพียงสัปดาห์แรกที่เริ่มทำ คุณอาจจะได้พบกับผลลัพธ์ที่ดีขึ้น จนคุณสามารถสังเกตเห็นได้เอง
เวลาในการนั่งทำสมาธิ คุณสามารถกำหนดหรือเลือกได้เองตามใจชอบ ขอเพียงเป็นช่วงเวลาที่คุณไม่เร่งรีบมากจนเกินไป สถานที่ก็เช่นกันไม่จำเป็นต้องขึ้นเขาหรือเข้าป่าไปไกลจากสังคมเมือง คุณสามารถเลือกนั่งทำสมาธิที่ไหนก็ได้ เริ่มต้นช่วงแรกๆอาจจะเป็นที่เงียบสงบพอสมควร เช่นในห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือแม้แต่ในช่วงพักเที่ยงในออฟฟิศ พอคุณเริ่มสามารถกำหนดจิตลบความสนใจจากภาพ-เสียงรอบตัวคุณได้แล้ว ถึงตอนนั้นคุณอาจจะสามารถทำสมาธิที่ใดก็ได้ ท่ามกลางผู้คนในสังคมเมืองแห่งความเร่งรีบและวุ่นวาย
"ทำไมต้องทำสมาธิ" ในที่นี้ การฝึกจิตให้สงบจนเกิดผลนั้นไม่ได้เพื่อการบรรลุสู่การเป็นผู้มีพลังกายวิเศษ เหาะเหิรเดินอาศได้ หรือถึงขนาดข้ามขั้นกลายเป็นผู้มีฌาณพิเศษพิศดารอะไร เพียงแต่ผลลัพธ์ในการฝึกจิตตนเองให้สงบเพื่อทำสมาธินั้น กล่าวคือจะสามารถช่วยให้คุณใช้พลังสมองในการคิดได้ดีขึ้น และสั่งการร่างกายของคุณให้ทำงานได้สอดคล้องกันได้ดีมากขึ้นกว่าเดิมด้วย
และเมื่อจิตคุณสงบพอ นี่คือผลลัพธ์ทั้ง 8 อย่าง ที่คุณจะได้สัมผัสอย่างชัดเจน
1.ชีวิตมีความเป็นระเบียบ
ยิ่งหัวสมองปลอดโปร่งก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จมากขึ้น เพราะเมื่อความตึงเครียดทางจิตในหลายๆเรื่องจางลง สมองก็จะเกิดการจัดระเบียบความคิดที่ง่ายขึ้น มีสมาธิกับการทำงานตรงหน้าได้สำเร็จรวดเร็วขึ้นตาม และพร้อมที่จะก้าวสู่งานชิ้นต่อไปได้ทันที
2.เริ่มรู้จักคิดก่อนพูด
สังคมมนุษย์ที่ขาดการยั้งคิดนั้น คือการปากไว พูดทันทีที่ความคิดนั้นปรากฏขึ้นมาในหัว แต่เมื่อจิตควบคุมสติได้ ก็เกิดการหยุดคิดก่อนจนสามารถเรียบเรียงคำพูดได้ชัดเจน และเมื่อพูดออกไปแล้วจิตจะทบทวนถึงความถูกต้องในสิ่งที่พูดไปพร้อมกัน ดั่งพระเทศนาธรรมอันไพเราะมีหลักการณ์ สื่อความเข้าใจถึงผู้ฟังได้ทันที
3.สุภาพและรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
กลายเป็นคนขี้รำคาญน้อยลง อดทนมากขึ้น ไม่เบื่อกับการต้องเข้ารอคอยนานๆ เริ่มมองสถานการณ์ต่างๆรอบตัวในมุมมองของคนอื่น ด้วยวิธีคิดและพิจารณานี้เองทำให้สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่กระทำต่อคนอื่นได้อย่างสิ้นเชิง
4.มีพลัง
คุณจะสามารถนอนหลับได้สนิทเร็วกว่าเดิม และตื่นขึ้นมาพร้อมกับจิตใจที่สดชื่น สมองมีพลังพร้อมรับวันใหม่ เมื่อสมองปรอดโปร่งมีพลังตั้งแต่เช้า วั้นนั้นทั้งวันคุณจะสามารถบรรลุงานหรือกิจวัตรประจำวันสำเร็จได้เร็วกว่าปกติ มีเวลาทำอย่างอื่นเพิ่มขึ้นได้อีก
5.เริ่มรู้จักความพอดีและพอเพียง
พอจิตสงบไม่ฟุ้งซ่านการตัดสินใจก็จะดีขึ้น คุณประเมิณการใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการ อย่างเช่นเมื่อคุณอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านอาหาร การตัดสินใจในการเลือกซื้อหรือเลือกสั่งเมนูอาหารมาทานก็จะซับซ้อนน้อยลง เพราะคุณคิดรายการเมนูมาก่อนเข้าร้านแล้วด้วยซ้ำ ว่าจะทานอะไรที่ต้องการและมีประโยชน์ต่อร่างกายเพียงใด นั่นหมายถึงสามารถคุณลดความฟุ่มเฟือยและความละโมภลงได้แล้ว
6.สอดส่งโซเชี่ยลหรือดูทีวีน้อยลง
ความต้องการในการรับรู้ การดำเนินชีวิตส่วนตัวของผู้อื่นในโลกสังคมออนไลน์ของคุณจะลดลงอย่างไม่น่าเชื่อ รวมถึงการดูละครรายการทางโทรทัศน์ก็ด้วยเช่นกัน เพราะคุณสามารถแยกแยะข้อมูลเท็จจริงจากเรื่องราวที่คุณได้รับอย่างรวดเร็ว กลับมีสมาธิกับสิ่งที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น เช่น การติดตามข่าวสาร การอ่านหนังสือ การออกกำลังกาย การออกไปพบเจอเพื่อนฝูงและครอบครัว หรือการทำงานเพิ่มเติมเพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับตัวเอง
7.ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น
เมื่อคุณรู้จักการใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะเริ่มรู้จักหยุดสังเกตและชื่นชมกับสัตว์เลี้ยง มองเห็นถึงความสวยงามของธรรมชาติรอบตัวมากขึ้น รับรู้ถึงช่วงเวลาที่แตกต่างของวัน ที่สร้างสรรค์ความสวยงามในแบบที่มันเป็น เกิดการเติมเต็มความชุ่มชื่นสดใสให้กับชีวิตมากขึ้น
8.ดีขึ้นทุกอย่าง
ปัญหาทางสุขภาพลดลง อย่างอาการเครียด ปวดหัว หรือไมเกรนจะหายไป นี่อาจเป็นคุณประโยชน์ที่ดีที่สุดอีกอย่างหนึ่งของการนั่งสมาธิ คุณจะรู้ว่าตัวเองสามารถทำอะไรได้บ้าง กล้าเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น มีกำลังใจที่จะเป็นตัวของตัวเองและกล้าเสี่ยงเพื่อที่จะเติบโตต่อไปในวันข้างหน้า รู้ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญและสามารถประสบความสำเร็จในสิ่งที่ต้องการได้
และทั้งหมดนี้เพียงผลลัพธ์เล็กๆ ที่เกิดขึ้นจิตของคุณให้ตัวคุณเอง ยังมีเรื่องดีๆอีกมากมายที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานของสมาธิและจิตที่มีสติ
เรียบเรียงบทความโดย : เรื่องเด็ดเจ็ดย่านน้ำ
ที่มาข้อมูลประกอบ : พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท)
กดถูกใจเพจเพื่อติดตามอัพเดททุกเรื่องเด็ด
บอกต่อเรื่องนี้ให้เพื่อนคุณ
