ทำชุดสวนปลูกผักเอง ลงทุนครั้งเดียวใช้งานคุ้ม
สำหรับท่านที่สนใจเรื่องการทำชุดปลูกผักปลอดสารพิษ ไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics) วันนี้ก็เลยจะนำเสนอขั้นตอนการทำชุดปลูกแบบประหยัด ตามที่มีสมาชิกพันทิพย์ท่านหนึ่งชื่อ TheGolfMania ได้ทดลองทำมาแล้ว และผลในการผลิตก็ได้ผักออกมาสีสวยสด กรอบ และมีรสชาตอร่อย ไม่ขม ส่วนจะมีอุปกรณ์อะไรบ้าง ราคาเท่าไหร่ รวมถึงวิธีปลูกให้ผักโตได้ผลดีอย่างไร เรามาติดตามอ่านกันเลย
การเตรียมวัสดุ
- ท่อ PVC ขนาด 2 นิ้ว เส้นละ 80 บาท x9 เส้น (เลือกใช้สีขาวเพราะจะอมความร้อนน้อยกว่าสีฟ้า)
- ข้อต่อ PVC งอ 90 องศา ขนาด 2 นิ้ว แบบบางตัวละ 15 บาท x11 ตัว
- ข้อต่อ PVC 3 ทาง ขนาด 2 นิ้ว แบบบางตัวละ 15 บาท x8 ตัว
- ท่อ PVC ขนาด 0.5 นิ้ว เส้นละ 35 บาท x2 เส้น
- ข้องอ 90 องศาเกลียวใน ขนาด 0.5 นิ้ว ตัวละ 3 บาท 1 ตัว
- ท่อรับสายยาง ขนาด 0.5 นิ้ว ตัวละ 4 บาท 1 ตัว
- บอลวาล์ว ขนาด 0.5 นิ้ว ตัวละ 11 บาท x9 ตัว
- สายยางขนาด 0.5 นิ้ว 2 เมตร
- ถัง 200 ลิตร ใบละ 800 บาท
- ถ้วยปลูก 250 ถ้วย ถ้าเผื่อเป็นสต็อกก็ประมาณ 300 ถ้วย
หมายเหตุ : สามารถปรับแต่งจำนวนของวัสดุด้านบน ตามสัดส่วนที่ต้องการสร้างได้เลย
อุปกรณ์และเครื่องมือ
- สว่านและหัวเจาะโฮล์ดซอล์ ขนาด 38 1/2 MM
- ตัวตัด PVC หรือ อาจจะใช้เลื่อยตัดเหล็กธรรมดาก็ได้
- กาวต่อท่อ PVC 1000G กระป๋องละ 382 บาท
- น๊อตเกลียวปล่อยเบอร์ 7 ยาว 1.5 นิ้ว
- เครื่องวัด EC Meter ใช้วัดค่าคุณภาพปริมาณของปุ๋ยในน้ำ
- เครื่องวัด pH Meter ใช้วัดค่าความเป็นกรดด่างและสารเจือปนในน้ำ
- ปั้มน้ำ Sonic AP-4500 500 บาท
เอาหละเมื่อเตรียมของได้ครบแล้วก็เริ่มประกอบร่างกันเลย เริ่มจากท่อ PVC ขนาด 2 นิ้วที่ได้มานั้น จะมีปลายด้านหนึ่งบาน เพื่อให้ต่อท่อเข้าด้วยกันได้กับข้องอจึงต้องตัดปลายนี้ออก และเมื่อตัดแล้วความยาวจะลดลงนิดหน่อยประมาณ 10 CM เมื่อตัดเสร็จก็เริ่มเอาข้อต่อ PVC งอ 90 องศา มาสวมที่ปลายด้านหนึ่งของท่อ
หลังจากนั้นก็จะวัดระยะ เพื่อสร้างความห่างราวๆ 10 -15 CM (ตัดเศษท่อเพื่อใช้เป็นตัววัดระยะเพื่อความสะดวกเลย) ซึ่งด้านนี้จะใช้ท่อ PVC ขนาด 0.5 นิ้ว ยึดด้วยน๊อตเกลียวกับท่อ ปล่อยระยะโครงชุดปลูกในฝั่งหัวจะได้ไม่เคลื่อน
ยึดฝั่งหัวเรียบร้อย ทีนี้รางปลูกก็ไม่เคลื่อนแล้ว
ฝั่งหัวสำหรับน้ำเข้ารางชุดปลูกเรียบร้อยหน้าตาแบบนี้
ทีนี้เราก็จะมาต่อส่วนท้ายของรางปลูก เพื่อรับน้ำจากปลายรางแล้วส่งน้ำกลับไปทิ้งลงที่ที่ถังพัก โดยจะใส่ข้อต่อ PVC งอ 90 องศา ไปที่รางแรกแบบนี้
สังเกตว่ารางแรกจะใช้ ข้อต่องอ 90 องศา ส่วนรางที่ 2-9 ใช้ ข้อต่อ PVC 3 ทาง
และก็ใช้ท่อ PVC อันเดมที่ใช้เป็นตัววัดระยะ วัดให้ได้ระยะห่างที่เท่ากันกับด้านหัวราง
ประกอบ ข้อต่อ PVC 3 ทาง กับรางที่ 2-9
เมื่อต่อรางที่ 8-9 คู่สุดท้ายด้วยข้อต่อ PVC 3 ทางเสร็จแล้ว ก็จะได้หน้าตาแบบนี้
สำหรับการยึดหัวท้ายของรางให้เรียบร้อยก่อนนั้น จะช่วยให้เราทำงานส่วนอื่นๆได้ง่ายขึ้น หลังจากนั้นค่อยมาเจาะช่องสำหรับใส่ ถ้วยปลูก ใส่ระบบน้ำเข้า โดยใช้ ท่อ PVC ขนาด 0.5 นิ้ว มาต่อๆกันเข้ากับกับชุดหัวปรับระดับน้ำ บอลวาล์ว ขนาด 0.5 นิ้ว ดังนั้นก็ถึงขั้นตอนการทำหัวปรับระดับน้ำนี้ ให้เป็นชุดๆรอไว้ก่อน
ตัวปรับระดับน้ำชุดที่ 1 ให้ใส่ ข้องอ 90 ต่อกับ บอลวาล์ว แบบนี้
ในขณะที่ชุดอื่นๆจะใช้ต่อกับ ข้อต่อ 3 ทาง เข้ากับ บอลวาล์ว แบบนี้
เมื่อทำครบทั้ง 9 ชุดแล้ว ก็ลองเอาไปวางบนท่อรับน้ำรางปลูก เพื่อตรวจสอบระยะ
ได้ระยะดีแล้วก็เอา ท่อ PVC ขนาด 0.5 นิ้ว มาประกอบต่อๆกัน
หน้าตาการประกอบทั้ง 9 ชุดเข้าด้วยกันแบบนี้
จากนั้นก็จะมาวัดระยะการเจาะเพื่อใส่ถ้วยปลูก ซึ่งก็ยังคงใช้ระยะ 10-15 CM แล้วแต่ชอบ สำหรับการเจาะ เพื่อความสะดวกจะเริ่มวัดระยะการเจาะแต่ละช่องจากรางที่ 1 และรางที่ 9 แล้วจึงค่อยใช้ไม้ทาบ เพื่อมาร์ครางที่ 2-8 ครับ หรือแล้วแต่หลัการณ์ของแต่ละท่านเองเลย แล้วทำการเจาะด้วย สว่านและหัวเจาะโฮล์ดซอล์
ทีนี้เราก็มาใส่ระบบน้ำเข้า-ออก ให้สมบูรณ์กันต่อเลย จากการคำนวณแล้ว พบว่าช่วงที่ผักอายุ 35 วันขึ้นไป จะเป็นช่วงที่ใช้น้ำมากที่สุด ดังนั้นสำหรับผัก ไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics) 250 ต้น จะใช้น้ำผ่านเครื่องปั้มราวๆ 30 ลิตรต่อวัน มาดูขั้นตอนประกอบกันเลย
เริ่มจากเอาข้องอ 90 องศา มาเชื่อมด้วย ท่อ PVC ขนาด 0.5 นิ้ว
เข้ากับ ข้อต่อ 3 ทาง ที่ชุดหัวปรับระดับน้ำชุดที่ 9
ลงมาเชื่อมต่อกับท่อน้ำเข้า เป็นแนวยาวไปจนถึงหัวปั้มน้ำ
ต่อกับ ข้องอ 90 องศา พร้อมเกลียวในรับสายยาง
สายยางขนาด 0.5 นิ้ว ต่อกับ เครื่องปั้มน้ำ
ปลายท่อเล็กคือทางน้ำเข้า ปลายท่อใหญ่ ก็ต้องเป็นทางน้ำออก
ลองทดลองดูให้มั่นใจว่าทางเดินน้ำสะดวกดี
นำถังน้ำเข้ามาวางรับให้พอดีกับท่อทางน้ำออก
ซึ่งน้ำที่ใช้จะเป็นน้ำที่ใส่ปุ๋ย + ปรับค่า Ec , pH มาเรียบร้อยแล้ว
เอาเจ้า ถ้วยปลูก ไปหย่อนลงก็เป็นอันเสร็จ
วิธีการปลูก
จะขอแบ่งออกเป็น การเตรียมต้นอ่อน และ การเตรียมปุ๋ย ลองเลือกซื้อเมล็ดผักสลัดที่เหมาะสำหรับปลูกในระบบ ไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics) มาใช้เพาะต้นอ่อน ขอแนะนำทั้งหมด 10 ชนิด ได้แก่
- เรดโอ๊ค
- กรีนโอ๊ค
- กรีนโครัล โลคาร์โน
- เรดปัตตาวีย
- เรดบัตเตอร์เฮด
- ฟิเลย์ ไอเบิร์ก
- เบบี้คอส
- บัตเตอร์เฮด
- เรดโครัล
- กรีนคอส
ซึ่งเมล็ดพันธ์มีแหล่งที่ซื้อได้หลายที่ หลายราคาราวๆ 0.05 - 2 บาท/เมล็ด สำหรับผู้เขียนแนะนำที่นี่เลย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ศูนย์การเรียนรู้การผลิตเมล็ดพันธุ์ผัก เกษตรอินทรีย์ ราคาถูกสุดก็ราวๆ 0.05 บาท/เมล็ด
ซึ่งเมล็ดพันธ์มีแหล่งที่ซื้อได้หลายที่ หลายราคาราวๆ 0.05 - 2 บาท/เมล็ด สำหรับผู้เขียนแนะนำที่นี่เลย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ศูนย์การเรียนรู้การผลิตเมล็ดพันธุ์ผัก เกษตรอินทรีย์ ราคาถูกสุดก็ราวๆ 0.05 บาท/เมล็ด
หน้าตาเมล็ดพันธุ์
แปลงเพาะใช้ฟองน้ำตัดฉลุเป็นสี่เหลี่ยมขนาดให้วางลงบนถ้วยปลูกได้
และก็มานั่งหยอดมันลงไปในฟองน้ำ
จับต้นอ่อนใส่ ถ้วยปลูก พร้อมฟองน้ำเลย
หย่อนบรรดาลูกๆ ต้นอ่อน ของเราลงไปในรางปลูกให้เต็ม
14 วันผ่านไปหลังจากวันเพาะเมล็ด จะได้หน้าตาแบบนี้ โตขึ้นอย่างชัดเจน
20 วันผ่านไป หน้าตาสดใส เหมือนคนปลูก อิอิ
นี่คือภาพตอนอายุได้ 29 วัน โตไวมาก ใบผักด้านซ้ายใหญ่กว่าฝ่ามือเราแล้ว
พออายุได้ 34-38 วันก็ทำการเก็บเกี่ยวได้แล้ว
กินอร่อย แจกได้บารมี เก็บไว้ขายยิ่งดี ร่ำรวยไม่รู้ตัว ! ! !
**การเตรียมปุ๋ย**
เนื่องจากมีภาพประกอบในการนำเสนอมากแล้วในบทความนี้ ยึงต้องยกยอดไปอีกบทความ ในส่วนของบทความนี้บางท่านอาจจะใช้สูตรผสมเอง หรือหาซื้อปุ๋ยน้ำชีวภาพที่แต่ละร้านเขามีขายมาใส่ก็ดี แต่ถ้ายังไม่มีเวลาจะมานั่งผสมเอง และเพื่อให้ปลูกได้ผลตรงตามประสบการณ์ของผู้เขียน ขอแนะนำเลือกซื้อตามสูตรของการผสมปุ๋ย สำหรับผักไร้ดิน ไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics) ในที่นี้คือปุ๋ยแห้งหรือเรียกกันว่า ปุ๋ย A และ B
**คลิ๊กอ่าน**
เรียบเรียงข้อมูลโดย : เรื่องเด็ดเจ็ดย่านน้ำ
ขอบคุณที่มา :
- สมาชิกเว็บPantip TheGolfMania
- th.wikipedia.org
- hydro-farm.blogspot.com
ถูกใจอัพเดททุกเรื่องเด็ด
บอกต่อเรื่องนี้ให้เพื่อนคุณ