พระราชดำรัสของในหลวง รัชกาลที่ 9 วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2517




พระราชดํารัส

พระราชทานแก่คณะผู้แทนสมาคม องค์การเกี่ยวกับศาสนา

ครูนักเรียนโรงเรียนต่าง ๆ นักศึกษามหาวิทยาลัย

ในโอกาสเฝ้าทูลละออกธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล

เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา

ณ ศาลาดุสิดาลัย

วันพุธ ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๗


          ขอขอบใจท่านทั้งหลายที่มาให้พรในวันนี้ เนื่องในโอกาสวันเกิด พรที่ได้เปล่งออกมาเป็นวาจานั้นก็เป็นที่ซาบซึ้งมาก รู้สึกว่าทําให้มีกําลังใจที่ปฏิบัตินับว่าเป็นของขวัญวันเกิดตามที่เขามีประเพณีกันว่าที่ควรจะให้ของขวัญวันเกิด แต่ของขวัญวันเกิดอันนี้เป็นของขวัญที่ประมาณค่ามิได้ ทําให้เกิดความปิติยินดีและเกิดกําลังใจอย่างยิ่ง ถ้ามาดูอีกแง่หนึ่ง ในแง่สถิติและในแง่ที่จะขัดคอก็คือ จํานวนท่านที่มาในวันนี้ก็มิใช่น้อย ถ้าดูตามสถิติแล้วก็นับว่าเป็นประมาณ .๐๐๓ เปอร์เซ็นต์ของจํานวนประชากรในประเทศไทย ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่ได้จะขัดคอผู้ที่ได้กล่าวเมื่อกี้แต่ว่ามีคนอื่นเขาจะขัดคอว่าคํากล่าวนั้นเป็นความคิดของคน .๐๐๓ เปอร์เซ็นต์

          ถ้าคิดอีกอย่างหนึ่ง ท่านก็ได้กล่าวว่า ท่านทั้งหลายที่มานับเป็นผู้แทนคณะทั้งสมาคม มูลนิธิองค์การ โรงเรียน ทั้งโรงเรียนทุกวัย ทุกระดับ คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกศาสนา รวม ๑๐๕ คณะ ข้าพเจ้าก็ถือว่าที่ผ่านมานี้ก็เป็นผู้แทนของผู้อื่นที่กล่าวว่าถือว่าท่านเป็นผู้แทนของคณะของท่านหมายถึงว่าเป็นผู้แทนของคนอื่นที่อาจมีความคิดเหมือนกับท่านเป็นจํานวนมาก ก็เพราะว่าให้ถือว่าท่านถูกบังคับให้มาเป็นจํานวนน้อย เพราะว่าถ้ามาเป็นจํานวนมากก็จะลําบาก ทั้งไม่สามารถที่จะมาพบกันจริง ๆ

          ที่ตั้งใจจะพูดแต่เดิมแท้ๆ ก็ตั้งใจจะพูดถึงว่า เมืองไทยเราประกอบด้วยคนหลายชนิดหลายวัยหลายความคิดหลายหน้าที่ ซึ่งทั้งหมดจะต้องอาศัยซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ว่าคนหนึ่งคนใดจะอยู่โดยลําพังได้คนหนึ่งยืนอยู่ได้แต่อีกคนล้ม ก็ล้มกันหมดเหมือนกัน อย่างเช่นในขณะนี้ท่านยืนอยู่ใกล้ชิดกัน ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดจะล้มลงหรืออาละวาดก็เดือดร้อนกันหมดเพราะคนที่อยู่ข้าง ๆ ก็จะต้องรับความเดือดร้อน ถ้าล้มลงไปเพราะว่าเหน็ดเหนื่อยหรือจะเป็นลม คนที่อยู่ข้าง ๆ ย่อมจะต้องช่วย จะต้องอุ้มชู และทําให้ผู้ที่เป็นลมนั้นฟื้น สบายกลับคืนพลังอย่างเดิม แต่ถ้าผู้นั้นถือตัวว่าตัวอยู่คนเดียวในโลกนี้ เกิดจะบอกว่าต้องมีการแสดงกายกรรมนิดหน่อย ยืดแขนยืดขาออกไปมากเกินไปด้วยความแรง ก็จะเกิดการปะทะกัน และถ้าเกิดการปะทะคนอื่นเขาก็จะมีสิทธิเหมือนกันที่จะปะทะ ก็จะเกิดเป็นการปะทะอย่างเบ็ดเสร็จ ฉะนั้น ที่นี้ซึ่งสร้างขึ้นมาสําหรับรับแขกรับผู้ที่มาด้วยความสามัคคีก็จะกลายเป็นเวทีมวยซึ่งผิดจุดประสงค์ของการสร้างอาคารนี้

          ที่ท่านมาในวันนี้มีความหมายมาก และที่ท่านได้แสดงก็มีความหมายมาก ไม่ใช่เฉพาะในความรู้สึกที่เต็มด้วยความปลื้มใจที่ได้เห็นท่านทั้งหลายมาให้พร แต่ว่าเป็นนิมิตที่ดีว่าบุคคลที่เป็นผู้แทนของคณะต่าง ๆ ก็หมายถึง สมาคม องค์การมูลนิธิสหกรณ์โรงเรียนทุกระดับ ทุกแขนง ตลอดจนสมาคมและคณะในทางศาสนา มาในวันนี้ความหมายก็คือ เราอยู่ด้วยกัน เราช่วยกัน และขอให้ทุกคนช่วยรักษาความเรียบร้อยด้วยเหตุผล เพื่อความเป็นอยู่ของประเทศไทย ซึ่งถ้าในที่ประชุมนี้แสดงให้เห็นว่ามีความสงบเรียบร้อยและความปลาบปลื้ม ก็ขอให้ประเทศไทยมีความสงบเรียบร้อย มีความปลาบปลื้มได้ตลอดไป

          ทั้งนี้คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา จะาเมืองไทยล้าสมัย ว่าเมืองไทยเชย ว่าเมืองไทยไม่มีสิ่งที่สมัยใหม่ แต่เราพออยู่พอกิน และขอให้ทุกคนมีความปรารถนาที่จะให้เมืองไทยพออยู่พอกิน มีความสงบ และทํางานตั้งจิตอธิษฐานปณิธาน จุดมุ่งหมายในเรื่องนี้ ในทางนี้ ที่ทําให้เมืองไทยอยู่พออยู่พอกิน ไม่ใช่รุ่งเรืองอย่างยอด แต่ว่าการพออยู่พอกินมีความสงบนั้น ถ้าจะเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ถ้ารักษาความพอดีพอกินนั้นได้เราจะยอดยิ่งยวด เพราะประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้กําลังตก กําลังแย่ กําลังยุ่ง เพราะจะแสวงหาความยิ่งยวด ทั้งในอํานาจ ทั้งในความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ทางอุตสาหกรรม ทางลัทธิฉะนั้นถ้าทุกท่านซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่มีความคิดแต่ละท่าน แต่ละบุคคล และมีความคิด มีอิทธิพล มีพลังที่จะทําให้ผู้อื่นซึ่งมีความคิดเหมือนกัน ช่วยกันรักษาส่วนรวมให้อยู่ดีกินดีพอสมควร ขอย้ํา พอควร พออยู่ พอกิน มีความสงบ ไม่ให้คนอื่นมาแย่งคุณสมบัตินี้จากเราไปได้ก็จะเป็นของขวัญวันเกิดที่ถาวรที่จะมีคุณค่าอยู่ตลอดกาล

          วันนี้ ท่านทั้งหลายอาจอึดอัดใจ เพราะว่าทางเจ้าหน้าที่ได้ย้ําแล้วย้ําอีกว่าไม่ให้นําสิ่งของมาให้ ห้ามเด็ดขาด แม้ดอกไม้ดอกเดียวก็ไม่ได้ใบไม้เหี่ยวหนึ่งใบก็ไม่ได้เพราะเหตุว่าสิ่งนั้นไม่มีความจําเป็น ถ้าแต่ละคนทําหน้าที่ทั้งในหน้าที่ที่มี ทางหน้าที่ที่ได้ตั้งไว้กับตัวหรืออาชีพ ทั้งในหน้าที่ที่มีในทางที่เป็นคนไทยเป็นมนุษย์ที่จะต้องมีความเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน ถ้ามีความคิดที่เที่ยงตรง ที่มีเหตุผล ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเห็นด้วยเห็นพ้องกันเสมอ ไม่หมายความว่าถ้าใครพูดอะไรไปก็ต้องถือว่าใช่แล้ว ยกมือเป็นแบบในที่เขาล้อกันในสภา มีความคิดความเห็นต่างกันได้แต่ก็ถ้าพูดกันด้วยเหตุผลแล้ว ไม่ใช่มิจฉาทิฐิคือไม่ถือเอาเป็นเหตุผลลับ ๆ ล่อ ๆ มาใช้ เชื่อว่าเราอยู่ด้วยกันได้อย่างดี แต่โดยมากที่เกิดเรื่องขึ้นมาในระยะนี้ ก็เพราะว่ามีความคิดที่ไม่ถูกต้อง อ้างสิ่งหนึ่งเพื่ออีกสิ่งหนึ่ง อ้างความดีเพื่อความไม่ดี อ้างผลประโยชน์ของคนหนึ่งเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง อ้างผู้ที่ดูน่าสงสารเพื่ออํานาจของตน อ้างทฤษฎีต่าง ๆ เพื่อที่จะทฤษฎีของตนและความยิ่งใหญ่ของตน ยิ่งใหญ่นั้นไม่ใช่ยิ่งใหญ่ในทางอํานาจบริหาร หรืออํานาจเงินเท่านั้น ยิ่งใหญ่ในทางอํานาจที่ว่าทฤษฎีของตัวเองเป็นใหญ่ถูกต้องของตัว อันนี้ ถ้าท่านทั้งหลายช่วยกันคิดช่วยกันทํา แม้จะมีการถกเถียงกันบ้างก็เถียงกันแต่เถียงด้วยรากฐานของเหตุผลและเมตตาซึ่งกันและกัน และสิ่งที่สูงสุดก็คือประโยชน์ร่วมกัน คือความพอมีพอกินพออยู่ปลอดภัยของประเทศชาติ ทั้งนี้ ถ้าทําไปตามที่ว่านี้ก็เป็นของขวัญวันเกิดที่ล้ําค่า และขอขอบใจท่านทั้ง

          หลายที่ได้อุตส่าห์มาในวันนี้ ที่ได้มาให้พรได้ส่งกําลังใจมาให้ ก็ขอให้สะท้อนกําลังใจนี้ไปให้ท่านทั้งหลาย และตลอดจนให้คุ้มครองทุกคนที่ปรารถนาดีต่อส่วนรวมโดยแท้เพื่อให้ส่วนรวมอยู่เป็นปึกแผ่น และประเทศไทยยังคงอยู่ ไม่ได้หมายความว่าจะให้อยู่เหนือโลก ให้อยู่ในโลกอย่างดีอย่างร่มเย็นเป็นสุข

          ขอท่านทั้งหลาย จงประสบความสําเร็จทุกประการในสิ่งที่สมควร และมีพลังจิต พลังกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ทุกท่าน

พระบรมราโชวาท ร.9 4 ธ.ค.2517

**ไฟล์ PDF ที่แจกถูกพิมพ์คัดลอกมาจากเอกสารจริงโดยอาสาสมัคร หากผิดพลาดประการใดเพจ "สานต่อที่พ่อทำ" ขออภัยมา ณ ที่นี้

เรียบเรียงโดย : เรื่องเด็ดเจ็ดย่านน้ำ
ที่มา : FB @สานต่อที่พ่อทำ
อ้างอิง : ลิ๊งค์ไฟล์ PDF

กดถูกใจเพจเพื่อติดตามอัพเดททุกเรื่องเด็ด
บอกต่อเรื่องนี้ให้เพื่อนคุณ


About เรื่องเด็ดเจ็ดย่านน้ำ

ขอบคุณทุกเรื่องเด็ด และเรื่องราวดีๆ จากทุกแง่มุมในสังคม เราจะหามาแชร์และส่งต่อให้เพื่อนบนโลกโซเชียลได้รับรู้ รับทราบกันอย่างทั่วถึง คุณเองก็สามารถทำได้ "กดแชร์" เรื่องเด็ดที่คุณชอบเลยสิ!