"วิธีนวดหน้าตัวเอง" แก้อาการปวดหัวจากความเครียด ปวดไมเกรน คลายปวดได้ในทันที... แถมผลลัพธ์ดี หน้าตึงเด้งดูอ่อนกว่าวัย!!




"ปวดตา ตาพร่ามัว" อีกหนึ่งอาการเริ่มต้นของ โรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) เนื่องจากการใช้สายตาจ้อมองแสงขาวจ้านานๆ จนตาพร่าก็ยังยิ่งเพ่งมองจนปวดแสบตา หนักเข้าก็ลุกลามมีอาการปวดหัว เป็นไมเกรน ทั้งบางคนมีความเชื่อผิดๆ ที่คิดว่ากินกาแฟเดี๋ยวก็หาย แต่กินแล้วก็ไม่ดีขึ้นอยู่ดี (เพราะเคสของผู้ปวดหัวเพราะติดกาแฟหนัก เพียงลองหยุดดื่มสัก 1-2 วันก็จะหายเอง) จึงทำให้รู้สึกว่ากินยาหรือเข้าคลีนิค เข้าโรงพยาบาลรักษาอย่างไรก็ไม่หาย

คลิปสาธิตการนวดของ อ.สุวัฒน์
แก้ปวดหัว ปวดตา ปวดไมเกรน

"นวดเป็น ก็หายได้เอง" ปัจจุบันค่ายากินและค่าใช้จ่ายการรักษาตัวจากอาการปวดหัว เป็นไมเกรน เป็นไข้ จากการใช้สายตาทำงานนั้น ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองมากที่สุด ซึ่งทั้งแพทย์อย่าง รศ.นพ.กรุงไกร เจนพานิชย์ หมอชาวบ้าน และผู้เชี่ยวชาญศาสตร์การนวดไทยแผนโบราณอย่าง อ.สุวัฒน์ (จ.เชียงใหม่) ได้แนะนำวิธีการนวดแก้อาการปวด ให้หายเป็นปลิดทิ้งได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องเสียเงินสิ้นเปลืองแต่อย่างใด ถือเป็นการทำบุญเอากุศล ให้เป็นวิทยาทาน


"ช่วยคน ได้บุญกุศลแรง" รศ.นพ.กรุงไกร เจนพานิชย์ แพทย์และนักเขียนหมอชาวบ้านเอง ก็ได้เขียนแนะนำวิธีนวดรักษาอาการปวดหัว ปวดตา ปวดไมเกรนด้วยตัวเอง พร้อมภาพประกอบให้ดูเข้าใจในแบบที่คล้ายกัน เพื่อยืนยันวิธีการนวดนี้เห็นผลจริง แก้อาการได้ทันที สามารถนำไปใช้และส่งต่อๆกันไปสำหรับคนยากจนและคนทำงาน ตามนี้

การฝึกนวดตนเอง 7 ท่า

ท่าที่ 1 ท่าเสยผม
ใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง กดขอบกระบอกตาบนให้แน่นพอควร ทำทั้ง 2 ข้างพร้อมๆ กัน ค่อยๆ ดันนิ้วทั้ง 3 นิ้วเรื่อยขึ้นไปบนศีรษะจนถึงท้ายทอยแบบเสยผม ทำ 10-20 ครั้ง



ท่าที่ 2 ท่าประแป้ง
ใช้นิ้วกลางทั้งสอง กดตรงหัวตา (โดนสันจมูก) แน่นพอควรดันนิ้วขึ้นไปจนถึงหน้าผาก แล้วใช้นิ้วทั้งหมด (เว้นนิ้วหัวแม่มือ) แตะหน้าผากโดยให้ปลายนิ้วมือจรดกัน แล้วลูบลงไปข้างแก้มแบบแนบสนิทมายังคาง ทำ 10-20 ครั้ง




ท่าที่ 3 ท่าเช็ดปาก
ใช้ฝ่ามือขวาทาบบนปาก ลากมือไปทางขวาให้สุด ให้ฝ่ามือกดแน่นกับปากพอสมควร เปลี่ยนใช้มือซ้ายทาบปากแล้วทำแบบเดียวกันนับเป็น 1 ครั้ง ทำ 10-20 ครั้ง




ท่าที่ 5 ท่ากดใต้คาง
ใช้นิ้วหัวแม่มือทั้ง 2 ข้างกดใต้คาง โดยให้ปลายนิ้วตั้งฉากกับคาง ใช้แรงกดพอควรและกดนานพอควร (นาน 10 วินาที หรือนับ 1-10 อย่างช้าๆ) เลื่อนจุดกดให้ทั่วใต้คางเฉพาะทางด้านหน้า ทำ 5-10 ครั้ง

ท่าที่ 6 ท่าถูหน้าและหลังหู
ใช้มือแต่ละข้างคีบหู โดยกางนิ้วกลางและนิ้วชี้คีบอย่างหลวมๆ วางมือให้แนบสนิทกับแก้ม ถูขึ้นลงแรงๆ นับเป็น 1 ครั้ง ทำ 20-30 ครั้ง


ท่าที่ 7 ท่าตบท้ายทอย
ใช้ฝ่ามือปิดหู (มือซ้ายปิดหูซ้าย มือขวาปิดหูขวา) ใช้นิ้วทั้งหมดอยู่ตรงท้ายทอย และปลายนิ้วกลางจรดกัน กระดิกนิ้วให้มากที่สุด แล้วตบที่ท้ายทอยพร้อมกันทั้ง 2 มือด้วยความแรงพอสมควร ทำ 20-30 ครั้ง



* สำหรับท่าตบท้ายทอย ต้องไม่ยกฝ่ามือออกจากหู เพราะทำให้การตบแรงเกินควรซึ่งจะกลับให้ผลเสียได้

"ให้ผลดีมีมากกว่าที่คิด" เมื่อท่านทำครบทั้ง 7 ท่าแล้ว จะรู้สึกหัวโปร่ง เบาสบาย ตาสว่าง หายง่วงนอน รู้สึกสดชื่น ถ้าเป็นไปได้ควรทำวันละ 2 ครั้ง คือ ตอนเช้า ตอนเย็น และที่สำคัญการนวดในลักษณะนี้ จะช่วยทำให้ผิวและกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ส่งผลให้ใบหน้ามีความเต่งตึงดูสดใสขึ้นจนเห็นได้ชัดเจน แล้วอย่าลืมแบ่งปันวิธีนี้เป็นวิทยาทานให้แก่ผู้อื่นต่อๆ ไปด้วย

ข้อพึงสังเกตเกี่ยวกับการนวดตนเองเพื่อช่วยสายตา

  • ต้องตัดเล็บให้สั้น เพื่อมิให้ไปขีดข่วนใบหน้า
  • ไม่ใส่แหวนและต่างหูเพราะอาจจะบูดใบหน้าทำให้เกิดบาดแผลได้
  • ต้องล้างมือและหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้งก่อนการนวด
  • งดการนวดเมื่อมีไข้ ใบหน้าเป็นสิว ฝี หรือมีโรคผิวหนัง
  • เริ่มนวลแต่เพียงน้อยครั้ง เช่น 5-10 ครั้ง แล้วค่อยเพิ่มทีละน้อย
  • ตั้งใจนวด มิใช่ทำให้เสร็จๆ ไป หรือทำลวกๆ ถ้าเป้นไปได้ควรทำสมาธิไปพร้อมๆ กันด้วย
  • การนวดต้องทำประจำจึงจะได้ผล ไม่ทำๆ หยุดๆ

เรียบเรียงใหม่โดย : เรื่องเด็ดเจ็ดย่านน้ำ
ที่มาภาพและข้อมูล
- หมอชาวบ้าน, รศ.นพ.กรุงไกร เจนพานิชย์
- Facebook อ.สุวัฒน์ (จ.เชียงใหม่)
- Youtube อ.สุวัฒน์ (จ.เชียงใหม่)

กดถูกใจเพจติดตามอัพเดททุกเรื่องเด็ด
บอกต่อเรื่องนี้ให้เพื่อนคุณ


About เรื่องเด็ดเจ็ดย่านน้ำ

ขอบคุณทุกเรื่องเด็ด และเรื่องราวดีๆ จากทุกแง่มุมในสังคม เราจะหามาแชร์และส่งต่อให้เพื่อนบนโลกโซเชียลได้รับรู้ รับทราบกันอย่างทั่วถึง คุณเองก็สามารถทำได้ "กดแชร์" เรื่องเด็ดที่คุณชอบเลยสิ!