พระราชดํารัส
พระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ซึ่งเฝ้า ฯ ถวายพระพรชัยมงคล
ณ ศาลาดุสิดาลัย
วันเสาร์ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๙
ขอขอบใจที่ได้อํานวยพรอย่างไพเราะ ถือว่าเป็นมงคลอย่างยิ่งที่ท่านทั้งหลายได้มาประชุมพร้อมเพียงกันอย่างนี้ และขอรับพรนี้ไว้ด้วยความขอบใจ ด้วยความซาบซึ้ง วันนี้จะขอพูดสั้นมาก เพราะว่าไม่อยากให้ก่อความเดือดร้อน ที่ลงมาช้าก็เพราะว่าได้ผ่านคณะต่าง ๆ มาหลายคณะแล้วล้วนแต่ได้ให้พรอย่างดี และได้ปฏิญาณตนว่าจะปฏิบัติหน้าที่และทํางานทําการทั้งส่วนตัวทั้งส่วนรวมอย่างดีที่สุด เพื่อให้ส่วนรวมอยู่ได้
วันนี้ที่บอกว่าจะพูดสั้น เพราะว่ารู้ว่าท่านทั้งหลายได้มาอัดแออยู่ ณ ที่นี่ คอยอยู่ด้วยความเดือดร้อนจนต้องมีการล้นหลามออกไปข้างนอก ถ้ายืนนานก็อาจจะทําให้ไม่สบายกันได้แต่ในสิ่งที่ถือว่าเป็นความเดือดร้อนนี้ขอให้ท่านทั้งหลายพิจารณาอย่างเดียวคือ ในสิ่งที่มีความเดือดร้อนในสิ่งที่ไม่ดีต้องหาความดีอยู่ได้เสมอข้าพเจ้าดีใจที่ท่านต้องอัดแอในที่นี่ ความจริงรู้ว่าเดือดร้อนแต่ดีใจให้รู้ว่าพวกเราใกล้ชิดกันอย่างไร ให้รู้ว่าคนทั้งหลายที่มาอยู่ในที่นี่ ก็มีอาชีพมีวัยมีการงานมีความคิดที่ต่างกันทั้งนั้น แต่ว่าล้วนมีความตั้งใจอย่างเดียว เพื่อความปึกแผ่นถึงมาอัดแอกันด้วยความปึกแผ่น ความปึกแผ่นนี้เป็นสิ่งสําคัญ และต้องแสดงออกมา ถึงดีใจและยินดีในความเดือดร้อนของท่าน แม้จะเดือดร้อน แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เหนือความเดือดร้อน คือท่านยอมเดือดร้อนเพื่อรักษาความปึกแผ่น อันนี้เป็นสิ่งสําคัญยิ่งที่จะต้องให้พิจารณาจากเหตุการณ์วันนี้และจะไม่ขอพูดอะไรมากกว่านี้เพราะว่าแต่ละท่านย่อมต้องทราบดีว่า ความเดือดร้อนเป็นอย่างไร และความดีเป็นอย่างไร ถ้าจะมาบรรยายมากว่าควรจะดูความเดือดร้อนตรงไหน ความดีตรงไหน ก็หมายความว่าท่านทั้งหลายไม่ได้มาช่วยอะไรเลย แต่ละท่านถ้าอยากช่วยดังที่ได้ให้พรว่าอยากได้อะไร คือให้พรมาว่า ข้าพเจ้าได้ทําอะไรที่ถูกใจท่านคือรักษาความเป็นอยู่ของประเทศชาติให้อยู่ดีให้ปลอดภัย ไม่ใช่หน้าที่ของข้าพเจ้าคนเดียว เป็นหน้าที่ของทุกคนใครอยากได้ความปึกแผ่น ใครอยากได้ความปลอดภัย ต้องทําให้เกิดความปึกแผ่น ให้เกิดความปลอดภัย
ฉะนั้น จะต้องพิจารณาว่า ผู้ที่มีหน้าที่ต่าง ๆ กัน ย่อมต้องทําหน้าที่นั้นให้ดีข้อหนึ่งอีกข้อหนึ่งในการทําหน้าที่นั้น ต้องไม่ก่อความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นเพื่อให้ผู้อื่นสามารถทําหน้าที่ได้ข้อต่อไป หน้าที่แต่ละคน แต่ละคนก็มีและมีความสามารถแตกต่างกัน จะต้องอาศัยผู้อื่นในสิ่งที่เราไม่แตกฉาน เราไม่ชํานาญ ฉะนั้น แต่ละคนย่อมต้องอาศัยคนอื่น ถ้าแต่ละคนอาศัยคนอื่นได้ก็เป็นบุญของแต่ละคน เพื่อที่จะให้อาศัยได้ก็ต้องเมตตาซึ่งกันและกัน ถ้าเมตตาซึ่งกันและกันแล้ว สิ่งที่เราต้องการก็ได้มาแล้ว คือความเอ็นดูของผู้อื่น เราเมตตาเขา เขาก็เมตตาเรา ถ้าเมตตาแล้วก็ดูเหมือนว่ามันเป็นเรื่องที่กินไม่ได้แต่ว่าความเมตตานี้ก็นํามาสู่ความเอื้อเฟื้อ ความเอื้อเฟื้อทั้งในด้านความเป็นอยู่ ทั้งในความปลอดภัยของตน ทั้งในความมเจริญ ความก้าวหน้า ความสุขที่เพิ่มขึ้นได้ ฉะนั้น ที่ขอพูดเพียงเท่านี้ว่า ขอให้ท่านไปพิจารณาว่าความเดือดร้อนของท่านในวันนี้มีความดีและความดีอยู่ตรงไหน ให้ท่านหาเอาเอง ขอให้ท่านหาพบความดีนี้และเมื่อหาพบแล้ว คงได้คิดอะไรอีกมากมาย มากหลายสามารถที่จะตั้งตัววางตนให้เป็นผู้ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอ งโดยทําประโยชน์ต่อผู้อื่น ทําประโยชน์ต่อส่วนรวม
วันนี้ ไม่เล่านิทานอะไรอื่น ไม่เล่าเรื่องราวอะไรเลย เพื่อที่จะให้ได้หมดความเดือดร้อนในขณะนี้ แต่ขออย่าให้หมดความคิด ขอให้พิจารณาต่อไป ท่านได้ให้พรมา ก็ขอสนองพรให้ท่านทั้งหลาประสบความก้าวหน้าความสุขความสบาย ความมั่นคงทุกประการ และสําคัญที่สุดก็ขอให้ท่านทั้งหลายจงมีความรู้สึกว่า ผู้อื่นมีปณิธานเช่นนี้เหมือนกันว่าต้องการความสุข และต้องการที่จะช่วยกันสร้างความสุข ความมั่นคง ถ้ามีความคิดอย่างนี้ว่าคนอื่นเขาก็สร้างเหมือนกัน คนอื่นเขาก็ทําเหมือนกัน แล้วก็เมตตาซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รู้จักรักกัน รู้จักว่าตรงไหนเป็นความดีและนึกถึงว่าประเทศไทยของเราเต็มไปด้วยความดีประเทศไทยของเราจะมีความมั่นคง และพวกเราในที่สุดก็มีความสุข ความสบาย มีเกียรติมีความสามารถที่จะมีชีวิตรุ่งเรือง
ฉะนั้น ก็ขอให้พรที่ได้มาสนองตอบ ให้ได้ทุกประการที่ต้องกันเช่นนี้ขอให้ประสบความสําเร็จทุกประการ
**ไฟล์ PDF ที่แจกถูกพิมพ์คัดลอกมาจากเอกสารจริงโดยอาสาสมัคร หากผิดพลาดประการใดเพจ "สานต่อที่พ่อทำ" ขออภัยมา ณ ที่นี้
เรียบเรียงโดย : เรื่องเด็ดเจ็ดย่านน้ำ
ที่มา : FB @สานต่อที่พ่อทำ
อ้างอิง : ลิ๊งค์ไฟล์ PDF
กดถูกใจเพจเพื่อติดตามอัพเดททุกเรื่องเด็ด
บอกต่อเรื่องนี้ให้เพื่อนคุณ