คำว่า"เลิกจ้าง" แทบจะเปรียบได้เหมือนคำสั่งประหารสำหรับ "มนุษย์เงินเดือน" ในสังคมเมืองกรุง ที่อุตส่าห์ทุ่มเทเวลาทำงานมากว่าค่อนชีวิต เพื่อได้มาซึ่งงานที่มั่นคงจากบริษัทที่ดูมั่งคั่ง แต่ที่สุดแล้วก็ยังไม่วายโดน "แจ็กพอต" กลายเป็นคนตกงานเอาเสียได้
ยิ่งสำหรับคนที่มีอายุเยอะ ทั้งคุณวุฒิและฐานเงินเดือนที่สูงเกินกว่าที่บริษัทใหม่ๆจะมาลงทุนจ้าง ยิ่งทำให้หางานใหม่ได้ลำบาก และที่ต้องเครียดหนักไม่แพ้กันคือภาระหนี้สินและค่าใช้จ่ายที่ตนต้องแบกอยู่ ที่ยังไม่รู้จะหาเอาจากที่ไหนมาหมุนจ่ายได้ทัน
และช่วงปี 2558 ที่ผ่านมา "คุณเอีย-อารีย์ เพ็งสุทธิ์" วัย 46 ปี คือหนึ่งในมนุษย์เงินเดือนที่ถูกเลิกจ้าง จากเดิมที่เธอมีตำแหน่งเป็นถึงหนึ่งในผู้บริหารของบริษัทประกันในเครือธนาคารใหญ่ย่าน สีลม-สาทร แต่ต้องกลายเป็นคุณแม่ลูก 2 ที่ต้องว่างงานอยู่ถึง 6 เดือนจนเงินที่มีอยู่ค่อยๆหมดไป จนกระทั่งพบหนทางกู้คืนชีวิตของตัวเองให้หลุดพ้นออกมาจากวิกฤตินี้ได้
“ตอนออกมาได้ทุนมาก้อนหนึ่ง น้องๆ ที่อายุยังน้อยพากันไปหางานใหม่ ส่วนตัวเองอายุขนาดนี้ ฐานเงินเดือนเท่านี้ หางานใหม่คงลำบาก แม้จะไปสมัครงานใหม่ไว้ แต่เริ่มคิดอยากทำธุรกิจของตัวเองแล้ว”
ในช่วงแรก คุณเอีย คิดที่จะเริ่มต้นอาชีพอสระในแบบของตัวเอง ด้วยการทำอาหารขายแบบ"แกงถุง"ไปฝากขายตามออฟฟิศให้กับเพื่อนๆ ที่เคยร่วมงาน ก่อนจะหันเหความสนใจมาที่การทำการเกษตร ที่กลายมาเป็นอาชีพที่เธอกำลังตกหลุมรักมันในที่สุด
“ไม่เคยจับงานด้านเกษตรเลย แม้พื้นเพเป็นคนนครศรีธรรมราช พ่อ-แม่ทำนามาก่อน แต่ท่านให้แต่เรียนหนังสือ โตขึ้นมาหน่อยส่งเข้ากรุงเทพฯ เรียนจบ ทำงานเป็นสาวออฟฟิศมาตลอด ไม่เคยรู้ว่าการเป็นเกษตรกรเริ่มต้นยังไง แต่เมื่ออยากทำ ก็ต้องเรียนรู้จากศูนย์”
หลังจากนั้นไม่นานเมื่อเธอมี "วิชาเพาะเห็ด" ติดตัวแล้ว จึงเริ่มออกหาเช่าที่ดินเพื่อสร้างโรงเพาะเห็ดขาย หาอยู่อย่างยากนานจนได้ที่ดิน 1 แปลงขนาด 100 ตรว. ใกล้กลับบ้านของเธอและลูก ในซอยคู้บอน 27 แยก 8 รามอินทรา ซึ่งเธอก็รีบติดต่อขอทำสัญญาเช่าเป็นเวลา 2 ปีกับเจ้าของที่ดินนั้นแทบจะในทันที
สำหรับเงินลงทุนนั้น คุณเอีย เล่าว่าใช้งบไปประมาณ 100,000 บาท โดยแบ่งคร่าวๆได้ดังนี้
- 10,000 บาท ใช้เป็นเงินมัดจำเช่าที่ดิน (ค่าเช่าต่อเดือน 3,000 บาท)
- 50,000 บาท ใช้เป็นค่าสร้างโรงเพาะเห็ดขนาด 4x6 เมตร จำนวน 2 หลัง
- และเงินส่วนที่เหลือก็จะเป็นค่าการขอมิเตอร์น้ำ-ไฟฟ้า, ค่าวัสดุอุปกรณ์ในการเพาะเห็ด, ค่าเมล็ดพันธุ์พืชที่ต้องการปลูกต่างๆ
"ผืนดินแห่งการเกษตร" จุดเริ่มต้นของกู้คืนชีวิตใหม่ของเธอได้เริมต้นขึ้นที่นี่แล้ว เมื่อสถานที่พร้อมพอสมควร จึงนำก้อนเห็ดนางฟ้าภูฏาน จำนวน 2,500 ก้อน มาลงไว้ในโรงเรือนหลังแรก ส่วนหลังที่ 2 ยังไม่ลงก้อนเห็ด เพียงแต่สร้างรอไว้ก่อน
“เห็ดล็อตแรกดอกสวย ไม่หงิก ไม่แฉะ ออกมาช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เก็บได้ครั้งละประมาณ 80 กิโลกรัม แบ่งขายส่ง 20 กิโล คิดกิโลละ 70 บาท ขายปลีกกิโลละ 120 บาท คนรับซื้อส่วนใหญ่เป็นคนคุ้นเคยกัน”
โรงเรือนเพาะเห็ดขายทั้ง 2 โรงของเธอนั้นใช้พื้นที่ไม่ถึงครึ่งของ 100 ตรว. เลยหาพืชอื่นมาลงเพิ่มอีก โดยวางแนวคิด "ปลูกไว้กิน เหลือค่อยขาย" พืชที่มาลงส่วนใหญ่จึงเป็นพืชผักสวนครัวอายุสั้น อย่าง แตงกวา แตงร้าน ถั่วฝักยาว พริก มะเขือ ชะอม ต้นหอม ดอกดาวเรือง ซึ่งแน่นอนว่าแปลงปลูกของเธอนั้นไม่ใส่ปุ๋ยเคมีและไม่ใช้ยาฆ่าแมลง
เมื่อทั้งโรงเพาะเห็ดและแปลงปลูกผักสวนครัวจัดปลูกลงแปลงเสร็จแล้ว แต่ต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งถึงจะสามารถเก็บดอกเก็บผลออกขายได้ จึงลงมือปลูกพืชผักที่ขายเป็น "ต้นอ่อน" อย่างพวกผักบุ้ง ทานตะวัน และโตเหมี่ยว ซึ่งพืชกลุ่มนี้ใช้เวลาปลูกไม่เกิน 7 วันก็สามารถเก็บขายได้แล้วและได้กลายมาเป็นรายได้หลักอีกอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้
ส่วนความรู้เรื่องการเพาะต้นอ่อนนี้ อาศัยจากการอ่านหนังสือและค้นคว้าทางอินเตอร์เน็ต หาว่า ทำกันยังไง ใช้ดินแบบไหน หาซื้อเมล็ดพันธุ์ที่ใดได้บ้าง ช่วงลองผิดลองถูกเสียหายไปสองสามถาด แต่พยายามปรับปรุง จนตัดออกขายได้หลายชุดแล้ว
ถั่วฝักยาวปลูกเต็มรั้วของพื้นที่
เห็ดนางฟ้ายอดนิยม ขายได้ทั้งสดและแห้ง
ผักสลัดนอกจากจะสร้างรายได้ให้แล้ว ยังให้สุขภาพจิตที่ดี เมื่อยามมองพวกมันงอกงามพร้อมสีสันสดใส
เริ่มกลับมามีรายได้อีกครั้ง สามารถเลี้ยงตัวเลี้ยงลูกได้สบาย หลังจากวันที่เริ่มต้นลงมือทำใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือน คุณเอีย ก็ได้มีธุรกิจเป็นของตนเองแล้วในชื่อ "Hayday Farm" หรือเฮย์เดย์ฟาร์ม (ชื่อคล้ายเกมดังเลยแฮะ) แปลงผักในกรุงเทพมหานคร ให้ผลผลิตเก็บกินเก็บขายได้หลากหลาย ทั้งเห็ดนางฟ้าภูฏานสด-แห้ง ต้นอ่อนผักบุ้ง ต้นอ่อนทานตะวัน โตเหมี่ยว แตงกวา แตงร้าน ใบกระเพรา ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ ดอกดาวเรือง สามารถสร้างรายได้ให้กับเธออย่างต่อเนื่อง
นอกจากลูกค้าแบบขายส่ง คุณเอีย ยังเล่าต่อถึงวิธีการ "เข้าถึงตลาดลูกค้าปลีก" ซึ่งเริ่มจากการแพ็กเห็ดและต้นอ่อนผักต่างๆ ใส่ถุงสวยๆ ส่งขายให้กับเพื่อนๆ และคนรู้จักในย่านที่ทำงานเก่าตามออร์เดอร์ที่โทรสอบถามในช่วงเย็นวันพฤหัสบดี ซึ่งขายได้ถึงครั้งละ 3,000 กว่าบาท
“ทุกวันศุกร์ผักจะเต็มท้ายรถและห้องโดยสารเลยนะ ช่วงแรกเขาคงอยากช่วย เลยสั่งซื้อ แต่ระยะหลังยังสั่งกันตลอด แสดงว่าผลผลิตเราขายได้ด้วยตัวเองแล้ว และคงสะดวกดี มีบริการส่งให้ถึงที่ ของก็มีคุณภาพ”
ส่วนแตงกวา ถั่วฝักยาว ที่เหลือจากการเก็บไว้กิน ก็ตะเวนขับรถเข้าไปถามขายตรงๆ กับร้านอาหาร ร้านส้มตำ ทั้งแบบร้านรถเข็นและร้านในตึกแถวในละแวกบ้านเป็นรายได้เสริมต่อวันอีก
“เมื่อก่อนเห็นเงินพันสองพันเฉยๆ ตอนนี้ ร้อยสองร้อยกว่าจะได้มามันยากนะ แต่ก็หาได้ทุกวันอยู่ที่ขยันมากน้อยแค่ไหน อย่างแตงร้าน ออก 10 กิโล ขายหมดได้ 300 บาท แตงกวาอีก 5 โล ต้นอ่อน 20 ถุง ทำไปทำมาวันนั้นก็ได้ 1,000 กว่าบาทแล้ว”
ธุรกิจ"Hayday Farm" หรือเฮย์เดย์ฟาร์มของเธอในทุกวันนี้กำลังสร้างรายได้ มีเงินกลับเข้ากระเป๋ามาแทบทุกวัน มีลูกค้าประจำผ่านไลน์กว่า 600 คน ลูกค้าปลีกรายใหม่เริ่มขยายวงกว้าง จากสาธุประดิษฐุ์, พระราม2, ม.หอการค้า ซึ่งพวกเขายินดีออกค่าส่งเอง และกำลังขยายโรงเพาะเห็ดเพิ่มเป็นโรงที่ 3 แล้วด้วย ก่อนฝากไปยัง "มนุษย์เงินเดือน" ที่อาจกำลังต้องเผชิญสถานการณ์เดียวกันกับเธอว่า
“ต้องมีสติอยู่กับตัวตลอดเวลา อะไรผ่านมาแล้วให้ผ่านไป และเชื่อมั่นว่าต้องอยู่ให้ได้ ต้องกล้าที่จะตัดสินใจทำ กล้าเรียนรู้สิ่งใหม่ แบ่งเวลาช่วงเย็นหลังเลิกงานและเต็มที่เลยในวันหยุดลองลงมือทำ พลาดครั้งแรกไม่เป็นไร พลาดครั้งที่สองอย่าเพิ่งท้อ เริ่มจากการลงทุนแบบเล็กๆก่อน เมื่อมั่นใจว่าชอบและทำได้แล้วค่อยขยับขยาย”
ใครสนใจอยากอุดหนุนเห็ด-ผักปลอดสารพิษและมีคุณภาพ ไปลองรับประทาน สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทรศัพท์ (091) 875-0777
เรียบเรียงข้อมูลโดย : เรื่องเด็ดเจ็ดย่านน้ำ
ขอบคุณต้นเเรื่อง :
คุณเอีย-อารีย์ เพ็งสุทธิ์
sentangsedtee.com
กดถูกใจเพจเพื่อติดตามอัพเดททุกเรื่องเด็ด
บอกต่อเรื่องนี้ให้เพื่อนคุณ