“ทำงานจนถึงจุดอิ่มตัว" นิพนธ์ อัศวกุลพนัส หรือ คุณเอ เจ้าของแบรนด์ ไก่ทอด "Ko-ke-kok-ko" หลังลาหยุดพักไปเที่ยวต่างประเทศ พอกลับมาเมืองไทยระหว่างรองานก็เลยหาอะไรทำ ตัดสินใจเลือกขาย "ไก่ทอด" โดยมีไอเดียเป็นคอนเซ็ปต์ว่าอยากให้มีรสชาติเหมาะกับธาตุของลูกค้าแต่ละคน 3 รสชาติ ซึ่งคนแต่ละธาตุชอบรสชาติไม่เหมือนกันคือ
KOKEKOKKO ไก่ทอดเงินแสน
คนธาตุดิน - รสโชยุญี่ปุ่น กระเทียม
คนธาตุไฟ - รสอะตอมมิกฮอต เน้นเผ็ด
คนธาตุลม - รสสวีตออเรนจ์ รสส้มเปรี้ยวหวาน
"กินแล้วชอบจึงลองขาย" ซึ่งก่อนหน้านี้เคยประทับใจซอสตัวหนึ่งของญี่ปุ่น เลยลองเอามาดัดแปลงสูตร นำมาใส่ไก่ทอดแล้วอร่อย ซึ่งเป็นไก่ชุบแป้งทอด โดยตัวแป้งเวลาโดนซอสแล้วไม่เละ ทอดแล้วกรอบได้นาน คนที่ซื้อกลับบ้านไปก็ถูกใจเพราะกรอบนาน
คุณมิ้นท์ แวะมาทักทาย
“ต้องมีจุดเด่นพิเศษ" ทั้งเรื่องรสชาติ ความกรอบ และรูปลักษณ์ของสินค้าและแบรนด์ที่น่าสนใจ สะดุดตาน่ารัก มีเรื่องราวที่น่าสนใจ วางกลุ่มเป้าหมายไปที่คนทำงานออฟฟิศ กลุ่มนักศึกษา กลุ่มไลฟ์สไตล์ที่ชอบกินอาหารแปลกใหม่ ปัจจุบันเริ่มขยายไปถึงกลุ่มแม่บ้าน เพราะรสชาติถูกใจลูกๆ ที่บ้านด้วย
แค่เห็นก็รู้ถึงความกรอบรสเข้มข้น
คุณเอ-นิพนธ์ อัศวกุลพนัส
เจ้าของแบรนด์ไก่ทอดเงินแสน
"เปิดตัวดี มีชัยไปกว่าครึ่ง" เมื่อเตรียมความพร้อมแล้วจึงเริ่มขาย โดยออกร้านที่งานอีเวนท์งานหนึ่ง ซึ่งขายดีมาก แต่หลังจบงานก็หยุดขายเพราะเหนื่อยมากจนไม่อยากทำต่อ แต่มีคนติดใจ เข้ามาถามในเพจเพื่อต้องการซื้อ ลูกค้าขอร้องให้ขายอีกเพราะติดใจในรสชาติและบอกว่าหาซื้อแบบนี้ที่ไหนไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจกลับมาขายต่อ คุยกับน้องสาวว่าเอาแค่ไม่ขาดทุน แล้วค่อยมาคิดว่าจะเลิกหรือทำต่อ แต่ขายได้ไม่นานแค่เพียง 12 วันก็คืนทุน เลยมองว่าหลังจากนี้ไปก็มีแต่กำไร
"เนื่องจากได้ผลตอบรับดี" จึงมีผู้สนใจแฟรนไชส์ "ไก่ทอด Ko-ke-kok-ko" ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเหตุผลที่ธุรกิจประสบความสำเร็จนั้น มาจากเคล็ดลับการบริหารธุรกิจที่เน้นการตลาด และการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุดสำหรับผู้บริโภค
ภาพ กลิ่น ดึงดูดยั่วให้อยากลอง
“แนวทางการบริหารงาน" เน้นคุณภาพในเรื่องรสชาติ และต้องมีศักยภาพในเรื่องของแบรนด์ ก็เริ่มเปิดขายแฟรนไชส์ไป 2-3 สาขา นอกจากนี้ก็ได้เริ่มพูดคุยกับนักลงทุนในต่างจังหวัดในการขยายสาขาออกไป และยังมีนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย มาเลเซีย บรูไน ซึ่งพวกเขามองว่ารสชาติของเราดี อีกทั้งรูปลักษณ์ของแบรนด์นั้นน่าสนใจเหมาะกับประเทศของเขา
"เคล็ดลับกลยุทธ์การตลาด" ต้องให้กลุ่มลูกค้าเข้าใจมากที่สุดว่าเราขายอะไร หากไม่เข้าใจเราก็ขายไม่ได้ ต่อมาคือในเรื่องของวัตถุดิบ เราเลือกไก่ที่ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะในการเลี้ยง ไม่ใช้ฮอร์โมน เรากำหนดสินค้าเป็นระดับพรีเมียมดังนั้นวัตถุดิบเราก็ต้องพรีเมียมเช่นกัน ซอสทั้ง 3 สูตร ก็ใช้วัตถุดิบชั้นดีเช่นกัน รวมทั้งแป้งที่ใช้ ทุกอย่าง ไก่ ซอส แป้งที่ทอด ล้วนมาจากวัตถุดิบที่ดีที่สุด
หมั่นโปรโมทสินค้าทุกๆช่องทาง
"คาดการณ์แม่นยำก็ทำกำไรได้" ตอนนี้เปิดมาแล้วเกือบครบปี รายได้ต่อเดือนที่เคยได้มากที่สุด ประมาณ 600,000 บาทต่อเดือน สำหรับปัจจัยที่ทำให้ได้กำไรเยอะนั้นมาจากที่เราใช้วัตถุดิบได้คุ้มค่า มีของเหลือน้อยมาก ไม่เคยมีไก่เหลือทิ้ง แป้งก็ใช้ในสัดส่วนที่พอดีกับการทอด คาดการณ์ต้นทุนและยอดขายในแต่ละวันให้สอดคล้องกัน พอของเหลือน้อย ไม่มีอะไรต้องทิ้ง จึงคุ้มทุนและได้กำไร
ทำการค้าสำคัญคือรู้จักระเมิณ
"วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า" นอกจากนี้ในการขาย เราต้องขายให้เร็ว เพราะไก่ทอดเวลาคนกินจะไม่ทิ้งไว้นาน เราต้องคำนวณเวลาตรงนั้นของลูกค้าที่ซื้อไปกินให้ได้ พอเรามองออก ลูกค้าที่ซื้อไก่เราไป พอกินไก่ก็สด กรอบ อร่อย ไม่สูญเสียรสชาติ ลูกค้าก็ติดใจ กลับมาซื้อใหม่ รวมถึงบอกต่อทำให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้น ยอดขายก็เพิ่มขึ้น กำไรก็สูงตามไปด้วย
"แย่งชิงพื้นที่ในตลาด" เนื่องจากยังไม่มีหน้าร้าน จึงใช้โซเชียลมีเดียทำการตลาด ในทุกช่องทาง เฟสบุ๊ก อินสตาแกรม ไลน์แอด ก็เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามาก นอกจากนี้คือเรามีรูปลักษณ์ของแพ็กเกจที่แตกต่าง สวยงามน่าสนใจ ที่เด่นของเราคือกล่องสีเหลือง เวลาอยู่ในมือลูกค้าแล้วจะเหมือนถือดอกไม้ ซึ่งเรามองจากพฤติกรรมผู้บริโภคสมัยนี้ที่เวลาจะกินอะไรก็ชอบถ่ายรูปก่อน ซึ่งสินค้าของเราก็ตอบโจทย์ตรงนี้ คือนอกจากอร่อยแล้วยังดูดี ก่อนกินก็ถ่ายรูปแชร์ให้เพื่อน แชร์ลงเฟสบุ๊ก”
สำหรับใครที่สนใจแฟรนไชส์ "ไก่ทอด Ko-ke-kok-ko" สามารถติดตามได้ที่ Facebook @KokekokkoChicken
เรียบเรียงข้อมูลใหม่โดย : เรื่องเด็ดเจ็ดย่านน้ำ
ที่มา :
- Facebook @KokekokkoChicken
- www.bangkokbanksme.com
กดติดตามอัพเดททุกเรื่องเด็ด
คุณเห็นด้วยกับบทความนี้
บอกต่อเรื่องนี้ให้เพื่อนคุณ